แม้กระทั่งพรรคประชาธิปัตย์ที่พันธมิตรฯตั้งความหวังเอาไว้ว่าน่าจะเป็นพรรค
ที่พอฝากผีฝากไข้ได้ ไปชะล้างสิ่งสกปรกในวงการเมือง หลังจากเข้ามาสู่อำนาจ
ภายหลังจากการต่อสู้ของพันธมิตรฯจนเกิดการเปลี่ยนแปลงทำให้ระบอบทักษิณ
ต้องออกไป แต่ดูแล้วความหวังเหล่านั้นมันช่างห่างไกลออกไปทุกที
ข่าวการตั้งพรรคการเมืองของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนับวัน
ยิ่งถูกนำไปขยายผลออกไปไกลมากขึ้นเรื่อยๆ
มีทั้งประเภทที่มีความเห็นตามปกติ รวมทั้งประเภทที่หวังดีประสงค์ร้าย
และเจตนาดิสเครดิต
หลากหลายความคิดเห็นระคนกันไปแล้วแต่ว่าจะมีแบ็กกราวด์หรือภูมิหลังอย่างไร
นาทีถ้าถามว่า
มีเสียงเรียกร้องจากพี่น้องพันธมิตรฯที่ร่วมต่อสู้กันมาอย่างยืดเยื้อยาวนาน
เป็นเวลา 193 วัน ต้องการให้มีการตั้งพรรคการเมืองหรือไม่
คำตอบแบบตรงไปตรงมาก็ต้องบอกว่าเป็นความจริง
และมีแนวโน้มที่จะตั้งพรรคสูงไม่น้อย
ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งก็มีเสียงคัดค้านไม่เห็นด้วยกับแนวความคิดดังกล่าว
ยังอยากให้รวมกลุ่มเป็นองค์กรภาคประชาชนคอยตรวจสอบในลักษณะนี้อยู่ต่อไป
ซึ่งก็มีจำนวนไม่น้อย
แต่ทุกอย่างจะได้ข้อสรุปชัดเจนไม่เกินวันที่ 25 พฤษภาคมนี้
ซึ่งเป็นวันที่มีการประชุมใหญ่ของพี่น้องพันธมิตรฯทั่วประเทศ
ที่จะมาร่วมงานรำลึกวันครบรอบ 1 ปีของการชุมนุม
ทุกอย่างจะได้ข้อสรุปจากเสียงส่วนใหญ่ จะได้รู้ชัดกันว่าพันธมิตรฯจะตั้งพรรคการเมืองหรือไม่
อย่างไรก็ดีก่อนจะไปถึงวันนั้นก็ต้องย้อนอดีตให้เห็นถึงแนวทางการต่อสู้ของ
พี่น้องประชาชนในนามของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
เริ่มมาจากทนเห็นการทุจริตขายชาติของ “ระบอบทักษิณ” ไม่ไหว
จึงลุกขึ้นมาเป็นการต่อสู้ระหว่าง “ถูก” กับ “ผิด” จะ “สมานฉันท์”
กันไม่ได้
เป็นความตื่นตัวของประชาชนทุกสาขาอาชีพทุกชนชั้นทั่วประเทศทนไม่ไหวกับการ
เมือง “น้ำเน่า” แบบเก่า แบ่งปันอำนาจเหมือนสมบัติผลัดกันชม
ชอบแอบอ้างประชาธิปไตยแบบ 4 วินาทีนั่นคือ
หลังจากประชาชนเข้าคูหาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง
เลือกใครไปเป็นผู้แทนแล้วก็ย่อมถือว่ามอบสิทธิ์ขาดให้ไป
นักการเมืองคนนั้นจะไปทำปู้ยี่ปู้ยำกับประเทศชาติอย่างไรก็ได้
เมื่อประชาชนไม่ยอมและยืนหยัดต่อสู้อย่างยืดเยื้อถึง 193 วัน
จนมีคนบาดเจ็บล้มตายจำนวนไม่น้อย แม้ว่า ระบอบทักษิณ
จะพ้นไปจากอำนาจที่ฉ้อฉล แต่ไม่ได้หมายความว่า “การเมืองเก่า” แบบ
“สามานย์” จะหมดไปด้วย
ตรงกันข้ามกลับกลายเป็นว่า
เปิดทางให้ “เหลือบการเมือง”กลุ่มใหม่เข้ามาเกาะกิน
เข้ามาแสวงหาอำนาจทำนอง “สมบัติผลัดกันชม”
มองตามรูปการณ์แล้วไม่มีทางจะเกิดการเมืองใหม่ตามที่มุ่งหวังเอาไว้อย่างแน่
นอน
แม้กระทั่งพรรคประชาธิปัตย์ที่พันธมิตรฯตั้งความหวังเอาไว้ว่าน่าจะเป็น
พรรคที่พอฝากผีฝากไข้ได้ ไปชะล้างสิ่งสกปรกในวงการเมือง
หลังจากเข้ามาสู่อำนาจ
เข้ามาเป็นรัฐบาลภายหลังจากการต่อสู้ของพันธมิตรฯจนเกิดการเปลี่ยนแปลงทำให้
ระบอบทักษิณต้องออกไป แต่ดูแล้วความหวังเหล่านั้นมันช่างห่างไกลออกไปทุกที
แม้ว่าพิจารณาแยกตัวบุคคลโดยเฉพาะ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายกรัฐมนตรีจะเป็นคนที่มุ่งมั่นตั้งใจดี
มีความรู้ความสามารถมีคุณสมบัติส่วนตัวครบถ้วน
แต่ด้วยข้อจำกัดที่มีอยู่มากมายจนกระดิกกระเดี้ยไม่ได้
นอกเหนือจากนั้นระดับที่กุมอำนาจในพรรคประชาธิปัตย์บางคนยังแสดงออกให้เห็น
ว่าทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้อยู่ในอำนาจ โดยไม่สนใจความถูกต้อง
ค้อมหัวให้กับกลุ่มการเมืองฉ้อฉล
หรืออีกด้านหนึ่งทำแม้กระทั่งผลักไสพันธมิตรฯ
ลับหลังมีแต่เสียงดูถูกเหยียดหยาม ทั้งที่พันธมิตรฯยึดถือเป็นมิตรมาตลอด
หากพิจารณาจากคอลัมน์ “ขยายปมร้อน” ใน “คม-ชัด-ลึก” ฉบับวานนี้ (20
พ.ค.) ก็อาจเข้าได้ว่าเป็นเจตนา “ปล่อย” ออกมาจาก
ส.ส.ประชาธิปัตย์บางกลุ่มเพื่อต้องการ “ดิสเครดิต” พันธมิตร
หลังจากมีข่าวว่าจะตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาในเร็วๆนี้
เพราะมีการขยายลงลึกไปถึงตัวบุคคล
มีการฟอร์มคณะรัฐมนตรีเอาไว้ล่วงหน้าจนไกลลิบ ถือว่าเป็น “จินตนาการ”
ที่ไร้ขอบเขตจริงๆ ทั้งๆที่ทุกอย่างยังไม่เริ่มต้น
พรรคของพันธมิตรฯยังไม่เกิด
หรือถ้าเกิดขึ้นมาแล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะได้รับการเลือกตั้งสักกี่เสียง
หรือจะสอบตกเรียบ ทุกอย่างย่อมเป็นไปได้หมด
และทุกอย่างขึ้นอยู่กับความเป็นจริง และความศรัทธาของพี่น้องประชาชน
จะมาดูถูกความคิดและความรู้สึกของพี่น้องประชาชนที่มีอุดมการณ์
มีความตื่นตัวไม่ได้
ดังนั้น
พรรคการเมืองใหม่ของประชาชนที่รวมกลุ่มกันในนามพันธมิตรประชาชนเพื่อ
ประชาธิปไตยจะเกิดขึ้นหรือไม่
และเมื่อเกิดขึ้นแล้วจะสามารถสร้างการใหม่ตามที่ใฝ่ฝันกันได้หรือไม่
ก็ให้รอดูข้อสรุปในวันที่ 24-25 พฤษภาคมนี้
และที่สำคัญหากมีพรรคใหม่เกิดขึ้นจริง ส่วนหนึ่งก็มีสาเหตุมาจากความผิดหวังพรรคประชาธิปัตย์นั่นแหละ
แต่ทุกอย่างประชาชนเป็นผู้กำหนด ไม่ใช่แกนนำพันธมิตรฯหรือใครคนใดคนหนึ่งเป็นอันขาด !!
เรื่องหลักการหละดีจริงๆ.......แต่ไหงการกระทำของพวกมรึงถึงได้.....เลวทราม....บัดซบ...วะ.....
พอกะลิ่วล้อในนี้เลย....