“สนธิ”
เฉ่งยับพรรคประชาธิปัตย์ปล่อยข่าวพันธมิตรฯวางตัวบุคคลเป็นรัฐมนตรีเอาไว้
เรียบร้อยแล้ว
ระบุเป็นการสร้างข่าวเพื่อสกัดพรรคพันธมิตรฯไม่ให้แจ้งเกิดอย่างราบรื่น
อัดเนรคุณนอกจากไม่ช่วยมิตรแล้วยังด่าลับหลัง
ทั้งที่เสียสละบาดเจ็บล้มตายเพื่อให้ได้เข้ามาเป็นรัฐบาล
ยันยังไม่ตัดสินใจจะรับตำแหน่งในพรรคที่ตั้งใหม่หรือไม่ “สุริยะใส”
ชี้ตั้งพรรคต้องรอบคอบไม่อยากโตเร็วตายเร็ว
นายสนธิ
ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
กล่าวตำหนิการนำเสนอวิเคราะห์ของหนังสือพิมพ์คมชัดลึก
ที่ระบุพันธมิตรฯได้วางตัวบุคคลที่จะเป็นรัฐมนตรีของพรรคเอาไว้หมดแล้ว
หลังประเมินว่าพรรคการเมืองที่จะจัดตั้งจะได้ ส.ส. ในสภาไม่ต่ำกว่า 100
เสียงว่า
คนที่ให้ข่าวนี้น่าจะเป็นคนในพรรคประชาธิปัตย์เพื่อดิสเครดิตไม่ให้การตั้ง
พรรคการเมืองของพันธมิตรฯดำเนินการได้ราบรื่น
ไม่อยากทวงบุญคุณแต่ถึงเวลา
“เรายังเป็นมิตรกับพรรคประชาธิปัตย์
แต่คนในพรรคประชาธิปัตย์ควรใจกว้าง
ไม่อย่างนั้นเราอาจต้องส่งคนลงสมัครในพื้นที่เดียวกับที่คนของพรรคประชา
ธิปัตย์มีฐานเสียงอยู่ ที่ผ่านมาเราไม่เคยทวงบุญคุณกับพรรคประชาธิปัตย์
แต่เวลานี้อาจถึงเวลาที่ต้องพูดคำนี้”
คงคิดคุม “เนวิน” อยู่-ได้เสียงเพิ่ม
นายสนธิกล่าวว่า
พรรคประชาธิปัตย์วางแผนว่าจะอยู่ในอำนาจต่อและมั่นใจว่าจะคุมนายเนวิน
ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทยได้ และอาจคิดว่าหลังเลือกตั้งจะได้เสียงมากขึ้น
โดยตกลงกันว่าให้นายเนวินบุกภาคอีสาน ส่วนประชาธิปัตย์บุกภาคใต้
ไม่ช่วยเพื่อนยังด่าลับหลัง
“ประชาธิปัตย์ไม่ยอมอยู่บนความถูกต้อง
ไม่กล้าพอที่จะยืนอยู่ข้างมิตรข้างสหายที่รบมาให้บาดเจ็บล้มตายกันเพียง
เพื่อให้พวกคุณเป็นรัฐบาล ลับหลังก็เที่ยวด่าพันธมิตรฯตลอดเวลา
คนในพรรคประชาธิปัตย์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์เป็น ส.ส. ที่เนรคุณ
บางส่วนไม่เข้าใจการเมือง
ผมจะเรียนให้ทราบว่าการที่พันธมิตรฯมีความรู้สึกว่าต้องมีพรรคก็เพราะประชา
ธิปัตย์ทำตัวเช่นนี้ ถ้าประชาธิปัตย์ยืนอยู่บนความถูกต้อง ยืนอยู่ข้างเรา
เข้าใจว่าสิ่งที่เราทำนั้นถูกต้อง ผมไม่เชื่อว่าพันธมิตรฯอยากจะตั้งพรรค
และนอกจากจะไม่ตั้งพรรคแล้วยังต้องระดมพลพรรคให้การสนับสนุนพรรคประชาธิปัต
ย์ แต่พันธมิตรฯพึ่งพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว” นายสนธิกล่าว
ยังไม่ชัวร์มีตำแหน่งในพรรคใหม่
นายสนธิย้ำว่าการตั้งพรรคพันธมิตรฯอยู่ที่เสียงของประชาชน
และหากมีการจัดตั้งก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเข้าไปมีตำแหน่งในพรรคหรือไม่
ในระดับแกนนำไม่เคยคุยเรื่องนี้
เพราะฉะนั้นข่าวที่ว่าตนจะเป็นหัวหน้าพรรคนั้นจึงไม่จริง
เพราะการเข้าสู่การเมืองถือเป็นเรื่องใหญ่มาก
ฟุ้งไม่เหมือนทุกพรรคในประเทศ
“ถ้าพันธมิตรฯตั้งพรรคจะไม่เหมือนกับพรรคการเมืองทุกพรรคในประเทศนี้
เพราะพรรคการเมืองส่วนมากเกิดจากคนไม่กี่คน
อย่างพรรคประชาธิปัตย์เกิดจากกลุ่มอำมาตยาธิปไตยรวมตัวกันตั้งพรรคเพื่อปก
ป้องสถานภาพของตัวเองจากการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อปี พ.ศ. 2475
ส่วนพรรคอื่นๆตั้งขึ้นมาจากนายทุนที่อยากแสวงหาอำนาจมาลงขันกันแล้วเอาเงิน
ไปซื้อ ส.ส.
ส่วนพรรคพันธมิตรฯจะเกิดจากเสียงของประชาชนไม่ใช่เสียงของแกนนำ 4-5 คน”
นายสนธิกล่าว
ให้จับตาสื่อเครือเนชั่น
แกนนำพันธมิตรฯกล่าวอีกว่า
รู้สึกเสียใจกับหนังสือพิมพ์คมชัดลึกที่นำเสนอบทความที่เชื่อว่ามีการรับงาน
และเห็นว่าถึงเวลาที่ประชาชนจะต้องจับตาหนังสือพิมพ์คมชัดลึกและสื่อในเครือ
เนชั่นว่าจะเดินตามรอยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐและมติชนหรือไม่
ถ้าซ้ำรอยไทยรัฐหรือมติชนก็อย่าไปสนับสนุน
“ข่าวที่ออกไปจากคมชัดลึกเป็นข่าวว่ารับงานมา แล้วคนที่มอบงานก็หนีไม่พ้นพลพรรคพรรคประชาธิปัตย์นั่นเอง” นายสนธิกล่าวย้ำ
“สุริยะใส” แจงหัวข้อประชุม
นายสุริยะใส กตะศิลา
ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
กล่าวถึงการจัดประชุมใหญ่ในวันที่ 24-25 พ.ค. นี้ว่า วันที่ 24 พ.ค.
จะเป็นการระดมความคิดเห็นจากแกนนำและองค์กรเครือข่ายจากภูมิภาคต่างๆกว่า
3,000 คน เพื่อระดมความเห็นใน 4 หัวข้อคือ
1.การวิเคราะห์สมการทางการเมืองไทย
2.วิเคราะห์เบื้องหน้า-เบื้องหลังการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการนิรโทษกรรมทางการ
เมือง
3.วิเคราะห์แนวทางการสร้างความเข้มแข็งของพันธมิตรฯและภารกิจการเมืองใหม่
และ 4.ความเป็นไปได้ในการตั้งพรรคการเมือง ส่วนวันที่ 25 พ.ค.
จะเป็นการรำลึก 1 ปี 193 วันของการต่อสู้
อีกทั้งจะมีการจัดริ้วขบวนล้อการเมือง
ตั้งทีมวางแนวทาง-เขียนนโยบาย
“ถ้ามวลชนเห็นด้วยกับการตั้งพรรคอาจจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาเพื่อ
ดำเนินการวางรูปแบบ แนวทาง และเขียนนโยบายของพรรค
รวมทั้งอาจจะต้องระดมความคิดเห็นเพื่อสรรหาคณะกรรมการบริหารพรรค
หัวหน้าพรรค และชื่อพรรค การประชุมวันที่ 24 พ.ค. คงไม่สรุปอะไรชัดเจน
เป็นเพียงระดมความเห็นเพื่อให้รู้ทิศทางความคิดของมวลชน”
“สนธิ” ไม่เคยพูดนั่งหัวหน้าพรรค
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่านายสนธิจะเป็นหัวหน้าพรรคที่จะตั้งขึ้นนั้น
นายสุริยะใสกล่าวว่า ไม่เคยได้ยินจากปากนายสนธิว่าสนใจหรือไม่
ใครก็ได้ที่จะขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคแต่ต้องผ่านการคัดเลือกจากมวลชน
“หากตั้งพรรคจริงเราจะนำแนวทางของหลายพรรคมาพิจารณา เช่น
พรรคกรีนในยุโรปและออสเตรเลีย พรรคเลเบอร์ของอังกฤษ
และพรรคการเมืองในประเทศแถบลาติน
โดยจะดูว่ามีแนวทางใดที่เหมาะกับสังคมการเมืองของไทย
ซึ่งยังมีเวลาคิดอีกนาน” นายสุริยะใสกล่าวว่า การตั้งพรรคเป็นเรื่องง่าย
สิ่งที่ต้องยึดคือจะอยู่ท่ามกลางความคาดหวังของประชาชนได้อย่างไร
ไม่อยากให้พรรคโตเร็วล้มเร็ว
ฮา.....ในที่สุดก็กัดกันเอง.....เป็นไงล่ะ.......